รายอที่เงียบเหงา
เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสเหมือนปกติ แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงฤดูฝน เด็กๆตื้นขึ้นมาแต่งตัวตั้งแต่เช้าพร้อมรอยยิ้มจากความดีใจที่ได้ใส่ชุดใหม่ที่พ่อแม่ซื้อให้ เพราะวันนี้เป็นวันรายอหรือฮารีรายอ ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองของศาสนาอิสลาม วันรายอจะมีทั้งหมดสองครั้งในหนึ่งปี รายอครั้งแรกจะเป็นรายอหลังจากการเสร็จสิ้นการถือศิลอด ชื่อว่ารายออีดิลฟิตรีหรือที่รู้จักกันคือ รายอปอซอ ซึ่งมาจากคำว่าถือศิลอด ที่มีความหมายว่าปอซอ รายอครั้งที่สองเป็นรายอฮายีหรือรายอกุรบาน คำว่ากุรบานหมายถึงเชือดสัตว์ ซึ่งมีชื่อที่เป็นทางการว่ารายออีดิลอัฎฮา
“แม้วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ความเงียบเหงาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนน่าใจหาย” เสียงดังมาจากอีกมุมหนึ่งพร้อมกับร่างของชายคนหนึ่งที่กำลังก้าวออกมา สีหน้าดูเศร้าๆเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เลยอดใจไม่ได้ที่จะถามถึงสาเหตุของความเศร้า จนสุดท้ายก็ได้รู้ที่มาเพราะอะไร
กูจิงลือปะ เป็นหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ติดกับหมู่บ้านของผม และอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งอยู่ที่ม.3 ต.เฉลิม อ.ระแงะ จ.นราธิวาส
เมื่อวันที่19 พ.ค.2549 ได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นในหมู่บ้านกูจิงลือปะ เป็นเหตุการณ์หนึ่งที่โด่งดังจนเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มทหาร เพราะได้เกิดเหตุการณ์การฆ่าครู คือ ครูจูหลิง จนทำให้เสียชีวิต นับตั้งแต่นั้นมาความโหดร้ายและความเงียบเหงาที่หว่าเหว่ก็เริ่มเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้
ซึ่งเหตุการณ์วันนั้นเป็นเหตุการณ์ที่คนส่วนใหญ่ไม่มีใครรู้ความจริง มีไม่กี่คนที่รู้และบางคนก็โดนเก็บเรียบร้อยแล้ว บางคนก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ในหมู่บ้านได้ ทั้งที่เป็นบ้านเกิดของตนเองและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เลย แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นและกำลังเกิดขึ้นย่อมหนีสายตาของคนไม่ได้ ต้องมีคนรู้
“ใครจะทำอะไรก็ได้กับคนในหมู่บ้านกูจิงลือปะ เพราะไม่ผิดกฎหมาย ไม่มีใครสนใจและไม่มีใครกล้าดำเนินเรื่องหรือฟ้องร้อง” ผมถึงกับสะดุ้งตกใจที่ได้ยินประโยคๆนี้ ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อ แต่เราต้องยอมรับ เพราะเป็นความจริงที่ได้เกิดขึ้นแล้วและยังจะเกิดขึ้นอีก จนไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร เหมือนกับว่าหมู่บ้านนี้ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายและคล้ายหมู่บ้านร้าง
ได้เกิดเหตุการณ์หลายครั้งกับชาวบ้านหลังจากเหตุการณ์ฆ่าครูจูหลิน ทั้งคนในหมู่บ้านกูจิงลือปะเองและชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆกับหมู่บ้านนั้น แต่ไม่มีการนำเสนอออกทางสื่อ ซึ่งกลายเป็นจุดที่น่าคิดและสามารถนำไปเชื่อมโยงกับประโยคที่ทำให้สะดุ้ง
จนถึงวันนี้ชาวบ้านในหมู่บ้านกูจิงลือปะและหมู่บ้านใกล้เคียงยังต้องฟื้นทนและจำใจกับเหตุการณ์คล้ายกับลักษณะนี้ต่อไป แม้จะไม่มีความสุขไม่สามารถอยู่อย่างปกติได้ เพราะจะทำอะไรไม่ได้เหมือนกับว่าถูกตราหน้าจากสังคมภายนอกว่าเป็นคนร้ายทั้งหมู่บ้านจากการนำเสนอของสื่อบางสื่อ
ดูจากวันนี้ ซึ่งเป็นวันรายอที่ผู้คนทั่วโลกมีการเฉลิมฉลองอย่างมีความสุข สนุกสนาน แต่อีกมุมหนึ่งที่คนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งตั้งตารอและหวังแค่อยากให้ความอยุติธรรมออกไปจากหมู่บ้านเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น