จดหมายถึงศรี บูรพา(กุหลาบ สายประดิษฐ์)
กราบสวัสดี ท่านศรีบูรพา
เพชรมีค่ามหาศาล
มีคนต้องการมากมาย
แต่ให้ประโยชน์คนอื่นไม่ได้
ก็จะไม่ต่างกับก้อนหินก้อนหนึ่ง
ศรี บูรพา หรือ กุหลาบ สายประดิษฐ์ เมื่อได้ยินชื่อนี้ เราก็จะนึกถึงภาพผู้ชายใส่แว่นที่ค่อยต่อสู้เรื่องของสื่อเพื่อความมีอิสระ
แม้ว่าท่านจะจากโลกใบนี้ไปนานหลายปีแล้ว แต่ชื่อและผลงานของท่านก็ยังจดจำอยู่ในหัวใจของนักสื่อสารมวลชนไม่เคยลืมเลืองหายไปนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้ เพราะท่านเป็นบุคคลคนหนึ่งที่สำคัญในวงการสื่อ เป็นเสมือนไฟที่ค่อยส่องทางและผลักดันสื่อให้เดินถูกทางในทางที่ถูกต้อง ไม่ตกรางหรือตกอยู่ในมือของคนมีอำนาจที่ใช้ในทางที่ผิด เพราะถือว่า เมื่อสื่อขาดอิสระ สื่อก็จะไร้ค่า ไม่สามารถทำหน้าที่สื่อได้เต็มตัว นั้นก็คือ เป็นกระบอกเสียงของประชาชน
แม้ผมจะเกิดไม่ทัน ไม่ใช่คนในยุคสมัยของท่าน แต่ผมเป็นนักศึกษาที่ศึกษาเกี่ยวกับการสื่อสาร ทำให้ผมได้รู้เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับการสื่อสารมากมาย ไม่ว่าจะเป็น วิธีการทำสื่อ การส่งสาร หน้าที่ของสื่อ เป็นต้น แต่ไม่ใช่แค่นั้น ผมยังได้รู้ประวัติบุคคลสำคัญๆหลายคนที่เป็นนักสื่อสารมวลชนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งรวมไปถึงท่านด้วย
ท่านเป็นทั้งนักหนังสือพิมพ์และนักเขียนชั้นเอกด้วย วรรณกรรมหลายชิ้นหลายงานของท่านเป็นที่ยอมรับจากคนมากมาย เช่น แลไปข้างหน้า ข้างหลังภาพ ลูกผู้ชาย ป่าในชีวิต สงครามชีวิต เป็นต้น ล้วนเป็นวรรณกรรมชิ้นเอก แต่ละเรื่องมีการเขียนประโยคขึ้นมาด้วยถ้อยคำที่สละสลวย ไม่พาฝันจนขาดเหตุขาดผล ประกอบกับท่านเคยเรียนรู้มาทางด้านกฎหมาย งานเขียนของท่านจึงดูหนักแน่นรัดกุม ทั้งยังเต็มไปด้วยเนื้อหาสาระ ซึ่งเป็นประโยชน์แก่คนในสังคม ทั้งเรื่องของสิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย เป็นต้น ซึ่งทำให้เราเกิดความรู้และข้อคิดต่างๆที่ใช้ผ่านทางคำพูดของตัวละคร ในบางบทของบางเรื่อง เช่น “เธออย่าเข้าใจว่า สิ่งที่กฎหมายบัญญัติไว้จะเป็นความถูกต้องชอบธรรมไปทั้งหมด สิ่งใดที่กฎหมายบัญญัติไว้นั้นพลเมืองทุกคนถูกบังคับให้ทำตาม แต่ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องชอบธรรม ใครบัญญัติกฎหมาย คนนั้นก็มักบัญญัติเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัว” “ในชีวิตของผม ผมจะอยู่ข้างสามัญชนตลอดไป เพราะว่ามนุษย์ในโลกนี้แทบทั้งหมดก็เป็นคนธรรมดาสามัญอย่างผมทั้งนั้น” และ“จะเป็นอะไรก็ตาม จงเป็นเสียอย่างหนึ่ง จะเป็นอะไรมิใช่เป็นปัญหา สำคัญอยู่ที่ว่าจงเป็นอย่างดีที่สุด ไม่ว่าเราจะเป็นอะไรก็ตาม” เป็นต้น
นอกจากนั้น ท่านยังค่อยให้เราตระหนักถึงหน้าที่ของการเป็นนักศึกษาอีกด้วยว่า “มหาวิทยาลัยไม่ใช้ประสาทวิชาความรู้ในทางการประกอบอาชีพแก่เขาเท่านั้น หากมหาวิทยาลัยได้สอนให้เขาได้เข้าใจในระบอบการปกครองของประชาธิปไตย และทฤษฎีต่าง ๆ ทั้งในทางเศรษฐกิจ และการเมือง......ในขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยสอนให้เขารู้จักคุณค่าของประชาธิปไตย ซึ่งนำไปสู่ความรักและพร้อมที่จะพิทักษ์รักษามันไว้……เขาได้ตระหนักถึงจิตใจใหม่ที่ถูกมหาวิทยาลัยหล่อหลอมให้เขาเป็นคนตระหนักในความดีงาม และยังนำความภาคภูมิใจถึงการดำเนินวิถีชีวิตที่ถูกต้อง”
ท่านได้ใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตเพื่อต่อสู้กับอำนาจอันไม่ชอบธรรมที่คอยกดขี่ข่มเหงสิทธิเสรีภาพของมนุษยชน โดยอาวุธของท่านคือ ปากกา ที่ใช้คำแบบไม่กลัวกับปัญหาที่จะต้องเผชิญหน้า เพราะท่านเคยโดนจับเข้าคุกหลายครั้ง แต่หัวใจนักสู้ของท่านไม่เคยลดเลือนแม้แต่นิดเดียวจนถึงวินาที่สุดท้าย
จากความกล้าหาญ ความอดทนของท่านสามารถเอาเป็นแบบอย่างในการก้าวเดินในการใช้ชีวิตแก่ผมคนในปัจจุบันนี้ เพื่อให้การดำรงชีวิตไปสู่ความสำเร็จ
ศรี บูรพา ดุจดังไฟส่องสว่าง
ค่อยนำทางให้สื่อดีมีคุณธรรม
ถือประโยชน์ประชาชนเป็นสำคัญ
ค่อยผลักดันไม่ให้สื่อเป็นเครื่องมือ
สักกี่คนที่กล้าทำอย่างท่าน
ทำทุกทางเพื่อสื่อมีอิสระ
แม้ชีพตนก็ไม่หวั่นพร้อมที่สละ
เพื่อเอาชนะสิ่งอธรรมครอบงำสื่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น